วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

จดหมายปีใหม่

เรียนคณาจารย์ ค่ะ

ยังไม่ค่อยหายดี แต่ว่าดีขึ้นเยอะ เพิ่งกลับมานั่งหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ได้สองสามวันที่ผ่านมาเองค่ะ ได้มีเวลาย่อย ย้อนทวน มองเข้าไปในตัวเองได้นิ่งอย่างที่ไม่ได้เคยมาก่อน ร่างกายเรียกร้องและขอร้องกระมังค่ะ
ส่งของขวัญวันไม่สบายต่อเนื่องกันสองสัปดาห์ค่ะ

๑. บันทึกธรรมชาติวิจักขณ์ กว่าสิบหน้าค่ะ เป็นการบันทึกอย่างจริงจังค่ะ ( ยังคงต้องแก้ไขและเพิ่มเติมอีกค่ะ )
๒. โครงการทำวิจัย/วิทยานิพนธ์ ต่อยอด และตกผลึกกับตัวเองว่าการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่แท้จริง จะต้องกลับมาสำรวจที่ประสบการณ์ที่ตัวเองผ่านจริงและเรียนรู้ออกมาก่อนค่ะ เพื่อการเข้าใจและรู้จักตัวเองเป็นอันดับแรก เมื่อเนาว์นั่งเขียน มีพลังบางอย่างนำให้เราร้อยเรียง เรียนรู้ เรื่องราวประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มาเป็นสิบปี ถึงเวลาที่ต้องมานั่งย่อย ทบทวน ถอดประสบการณ์กันแล้วค่ะ เนาว์อยากนิ่ง ให้เวลากับการทำงานเขียนนี้อย่างจริงจังและลงลึกค่ะ ภาคผนวกแนบตัวโครงการเป็นผลงาน โครงความคิดงานเขียน ที่เนาว์รู้สึกว่ามันมากมายและรอการเรียบเรียง เรียงร้อยมานานแล้วค่ะ ถึงเวลาสะสางกันสักทีค่ะ
๓. ความเป็นอยู่ เมื่อไม่สบาย อยู่กรุงเทพไม่ไหวค่ะ ไปพักผ่อนที่พิษณุโลกมา และกลับไปเจอว่าที่นั่นเป็นบ้านค่ะ บ้านที่ห่างหายมาสิบปี กลับไปทีไรก็รู้สึกว่าเป็นบ้าน และคราวนี้มีที่ทางของตัวเองแล้ว จึงตั้งใจกลับไปอยู่ที่พิษณุโลกเป็นฐานค่ะ ต้องขอลาออกจากการอยู่ประจำที่กรุงเทพค่ะ ทำให้เนาว์ไม่สบายจริงๆ และไม่ใช่ที่ทำให้เราได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาธรรมชาติของเนาว์ และทำให้เนาว์รู้สึกว่าพึ่งพาผลิตปัจจัยพื้นฐานในชีวิตให้ตัวเองไม่ได้เลย เนาว์จะเริ่มย้ายไปวันเสาร์อาทิตย์นี้ค่ะ และเริ่มทำงานเขียนหนังสือตัวเองเลยสักที สร้างบ้านดินที่จะเป็นบ้านของตัวเองสักที เนาว์สร้างดินมาสิบหลัง แต่ไม่เคยสร้างบ้านตัวเองค่ะ จะต้องกินผักที่ปลูกเองแล้วค่ะ กลับไปพิษณุโลกคราวนี้เจอกี่ทอผ้าเก่าเก็บของตัวเองที่ชาวบ้านยังเก็บไว้ให้ในหมู่บ้านด้วยค่ะ ไปนั่งทอผ้ามาด้วย เห็นว่าตัวเองเริ่มทำโรงเรียนห้วยหิ่งห้อยได้ที่นั่นอีกครั้งค่ะ และอื่นๆของโครงการเมล็ดดาวเดินทางจะไปเติบโตที่นั่นค่ะ ต้องให้เวลาตัวเองนิ่งจริงๆ ค่ะ เสียงภายในตัวเองดังมากค่ะ
๔. เรื่องการทำงานวารสารแนวพุทธ ตามความเข้าใจและการพูดคุยครั้งล่าสุดกับอาจารย์อ๊อด ทางสถาบันได้วางให้เนาว์เป็นทีมบก. กับคณาจารย์อีก ๓ คน เพื่อตรวจเลือกคัดต้นฉบับที่ทางโรงเรียนต่างๆ กว่าร้อยบทความ ในสองเดือนก่อนที่วารสารจะออก เนาว์ขอว่าให้เป็นงานที่ทำโดยไม่ต้องไปอยู่ประจำที่สถาบันได้หรือเปล่าค่ะ หากไปประชุมเป็นครั้งคราว ก็จะได้ เนาว์จะขออยู่ที่พิษณุโลกเป็นหลัก และทำงานโครงการวิทยานิพนธ์ และเขียนเป็นหลักค่ะ การทำงานสื่อสารองค์กรให้กับสถาบัน เนาว์ยินดีรับใช้ทำงาน เรียนรู้ไปด้วยค่ะ แต่ว่าขอให้เป็นงานฟรีแลนซ์ที่ไม่ต้องเข้าไปทำประจำอยู่ที่นั่น ที่กรุงเทพค่ะ
๕. เรื่องการเรียน ป.โท เทอมสอง เนาว์อยากขอให้เป็นการเรียนด้วยการศึกษารายบุคคล ซึ่งก็คือ ทำโครงการย่อยเขียนหนังสือของเนาว์ แล้วเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มเดือนละครั้ง ไม่ต้องเข้าไปทุกสัปดาห์ แต่ขอให้มีคณาจารย์ที่ปรึกษาที่ต้องส่งงานเขียน ความคืบหน้าของการทำโครงการ เนาว์ให้เวลาในการเขียนหนังสืออย่างน้อยวันละ ๔ ชั่วโมงค่ะ และทุกอาทิตย์จะส่งงานเขียนให้ทางคณะ ตั้งใจว่าจะขอจบการศึกษาภายในเทอมการศึกษานี้ค่ะ ส่วนเรื่องค่าเรียนเพิ่งจะจ่ายของภาคการศึกษาแรกไปวันจันทร์ที่ผ่านมา ขอผ่อนผันจ่ายของภาคเรียนที่สองเดือนปลายภาคการศึกษานะคะ หรือว่ายังมีการขอทุนในภาคการศึกษาใหม่หรือไม่ค่ะ
๖. เนาว์เรียบเรียงงานเขียนการบ้าน ปโท อยู่ค่ะ เคยเรียบเรียงเพื่อที่จะลองส่งประกวดนายอินทร์อะวอร์ด ไม่ได้อหังการอะไรนะคะ เพียงแต่อยากลองดู อยากให้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในการเขียนสารคดีบันทึกการเรียนรู้ แต่ว่าก็เรียบเรียง ไปได้เยอะ และงานเขียนอื่นๆ เช่น สมุดพกห้วยหิ่งห้อย และ Liberate curriculum ประสบการณ์จากการทำห้วยหิ่งห้อยก็ทำออกมาเป็นหนังสือทำมือแล้ว เนาว์อยากส่งให้อาจารย์พิจารณาเรื่องการจัดพิมพ์ค่ะ หากอาจารย์ยินดี
น้อมรับคำแนะนำและคำตักเตือน ความคิดเห็นของอาจารย์ค่ะ ขอบคุณและขอโทษในทีเดียวกันนะคะ
ต้องใช้ความกล้าหาญและซื่อสัตย์กับตัวเองมากนะคะที่ ตัดสินใจแบบนี้ ฟังเสียงข้างในตัวเองอย่างเยอะๆ เลยค่ะ คิดว่าชัดเจนในตัวเองในระดับหนึ่งแล้วค่ะกับเส้นทางที่เลือกที่จะเดินให้นิ่งลึก และให้เวลากับการบ่มเพาะจิตวิญญาณอิสระของตัวเองด้วยปรัชญาและศรัทธาที่เราเชื่อ ฟังเสียงร่างกายตอนนี้ เป็นปรกติดี สูด ฮึด หายใจลึกๆ และตัดสินใจกด send

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น