วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Self assessment

แบบประเมินผลการเรียนรู้ ป.โท ภาคการศึกษาที่หนึ่ง กันยายน – ธันวาคม ๒๕๕๒
Self assessment

๓๐ มกราคม ๒๕๕๓
“สมุดพกนักศึกษา ป.โท”

ด้วยความขอบคุณ

บทความนี้เป็นบทความสุดท้ายของบันทึกเทอมแรก ก่อนวันเปิดเทอมสอง ฉันเขียนขึ้นเพื่อเป็นบทสุดท้าย เขียนเพื่อขอบคุณโอกาสแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สำหรับสถาบันอาศรมศิลป์ เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียน บ้านเรียนอันสวยงามของเรา โรงเรียนรุ่งอรุณ เรือนรับอรุณ พื้นทราย บ่อน้ำ ฯลฯ สถานที่อันอบอุ่น เปิดรับ และมีวิถี วัฒนธรรม มงคลธรรมอยู่ในตัวมัน ฉันเขียนบทความนี้เพื่อเป็นบทประเมินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของฉันเองด้วย ในหมวกฐานะนักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่ง ถือว่าเป็นสมุดพกของฉันเอง ที่ฉันทำขึ้นเอง ตัวเองต่างหากที่ต้องประเมินตัวเองก่อนให้ใครมาประเมินด้วย

เกณฑ์การประเมิน
• การรู้จักและเข้าใจในตัวเอง หากนับหนึ่งถึงสิบตั้งแต่ในช่วงเวลาที่ฉันก้าวเข้ามาเรียนรู้ร่วมกับสถาบัน ฉันนับได้ว่าฉันเรียนรู้จักตัวเองและเข้าใจในตัวเองมากขึ้นถึงเจ็ดถึงแปดเต็มสิบ เพราะนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ฉันให้อย่างเต็มที่กับการเรียนรู้เพื่อการเข้าใจในตนเองอย่างแท้จริง ฉันรู้สึกว่าเข้าใจในตัวเองอย่างอย่างดายขึ้น รู้เท่าทันอคติ ความโกรธ โลภ หลงของตัวเองได้ง่ายดายขึ้น รู้จักธรรมชาติของตัวเอง รู้ว่าขุมทรัพย์ของตัวเองอยู่ ณ ภายในตน และที่สำคัญเมื่อรู้ก็ทำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งทรรศนะคติ พฤติกรรม และวิถีชีวิต
• การรู้จักและเข้าใจในผู้อื่น เมื่อรู้จักและเข้าใจในตัวเองมากขึ้น ทำให้ฉันสามารถเข้าใจในผู้อื่นได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ยอมรับในสิ่งที่ผู้อื่นเป็น คาดหวังในการเปลี่ยนแปลงคนอื่นน้อยลง เปลี่ยนแปลงในตัวเองให้มากขึ้น เห็นคนสองด้าน และเลือกที่จะนำด้านดีของคนอื่นขึ้นมารู้และคบหามากขึ้น
• การรู้จักและเข้าใจในธรรมชาติ เห็นได้ชัดจากการเข้าป่า วิชาธรรมชาติวิจักขณ์ เมื่อผ่านประสบการณ์ออกจากป่า อดอาหาร ทำให้ตัวเองมีปณิธานชีวิตที่จะมุ่งเข้าเรียนรู้อยู่กับธรรมชาติ พร้อมทั้งพิทักษ์ปกป้องรักษ์ธรรมชาติ และจัดการศึกษาที่น้อมนำไปสู่การเกื้อกูลโลกให้อยู่ได้อย่างมีสินติมากขึ้น โดยเริ่มที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง หนึ่งคือลดการบริโภคให้อยู่เพียงสองมื้อ และการตัดสินใจเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ลาออกจากการอยู่ในเมือง ใช้วิถีชีวิตคนเมือง เพราะผ่านประสบการณ์ว่าวิถีชีวิตในเมืองทำให้เราเจ็บป่วยได้ เป็นผู้พึ่งพาปัจจัยการผลิต เป็นผู้บริโภคที่มากเกินความจำเป็นที่แท้จริงของชีวิต และรู้จักเข้าถึงในธรรมชาติในตัวตนเราเองได้มากกว่าเมื่อเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แม่น้ำ ดินทราย ภูเขา
• การรู้จักและเข้าใจในความรัก-ความสัมพันธ์ เมื่อเรารู้จักเข้าใจในตัวเอง และผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย มองตัวเอง ผู้อื่น ธรรมชาติ สรรพสิ่งอย่างที่มันเป็น ทำให้เราเจอก้อนหินก้อนใหญ่-ปัญหา ปมใหญ่ในชีวิตเรา- การรู้จักและเข้าใจในความรักความสัมพันธ์ และปัญหาความสัมพันธ์ของตนเองที่คาราคาซังในใจตัวเองมากว่าสองปี เราได้เรียนรู้จักใจเรา รู้ว่าเรารักใครไม่เป็นหากเราไม่รู้จักรักตัวเองในสิ่งที่ตัวเองเป็น และเราจะไม่รู้จักรักในคนอื่นอย่างที่เขาเป็น เราได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเองและคนอื่นในสิ่งที่เราเป็นเขาเป็นอยู่ จากหนึ่งถึงสิบ ฉันให้คะแนนเก้าครึ่งที่ฉันได้เรียนรู้บทเรียนนี้ได้ด้วยประสบการณ์
• การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ เก้าเต็มสิบเช่นกัน ที่หันเข้ามาเรียนรู้จากภายใน สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ภายในตัวตนเองก่อน บ่มเพาะจิตวิญญาณที่เป็นอิสระ และพึ่งสติปัญญาของตัวเองก่อน ฉันใช้โทรศัพท์น้อยลง ส่งอีเมล์น้อยลงกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ในการพูดคุย สอบถาม ปรึกษาปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ เรื่องการงาน หันเข้ามาเจริญสติ หันเข้ามาหาตัวเอง พูดคุยกับตัวเองก่อน ปรึกษากับตัวเองก่อน และตรวจสอบด้วยหลักธรรม ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เหมาะสมในเงื่อนไขปัจจัย กาลเวลา ณ ขณะนั้นๆ หรือไม่
• จิตวิญญาณความเป็นครูและการบริหารการศึกษา เป้าหมายทางการจัดการศึกษาสำหรับเด็กชายขอบของฉันไม่เคยหายไปจากใจสักวัน ฉันยอมปล่อย ทดโรงเรียนห้วยหิ่งห้อย ที่สังขละบุรีไว้ได้ ด้วยความทรมานใจ กว่าจะพ้นจากความรู้สึกผิด พันธะที่ตัวเองสร้างขึ้นเอง ฉันเรียนรู้ที่จะผ่านพ้นประสบการณ์นี้ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู ที่มองเห็นความไม่พร้อมของตัวเอง ความซับซ้อนของปัญหาในชุมชน ความต้องการที่แท้จริงของเด็ก ไม่ดันทุรังไม่ผลักดันความฝัน ความต้องการของตัวเองลงในการจัดการศึกษาเพียงฝ่ายเดียว ฉันสามารถมองเห็นเงื่อนไข ปัจจัย สภาพความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ ได้ ตามที่มันเป็น และวางเป้าหมาย แผนการจัดการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมกับเด็กๆ ได้อย่างแท้จริงในเวลา สถานที่ที่เหมาะสม สอดคล้องกันทั้งสองฝ่าย
• มงคลชีวิตและสุขภาพวิถีไทย การสวดมนต์ร่วมกัน เป็นมงคลชีวิต และเป็นพลัง นำสมาธิในแต่ละวัน เป็นการปฏิบัติที่นำจุดเริ่มต้นแห่งวันเรียนที่ดีด้วยกัน หากแต่ว่าการนำไปปฏิบัติต่อเนื่องด้วยตัวเองที่บ้าน ยังเป็นคำถาม และเป็นวินัย และเรื่องที่นักศึกษาแต่ละคนจะนำไปปฏิบัติหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน สำหรับตัวเอง พยายามปฏิบัติให้ได้เป็นประจำวัน สั้นบ้างยาวบ้าง แล้วแต่วาระแต่ละวัน ถามกลับว่าทำไมถึงนำกลับไปทำ เพราะตัวเองผ่านประสบการณ์ที่ทำให้เห็นคุณค่าว่าการสวดมนต์ประจำวัน นำสติ สมาธิ ปัญญา และที่สำคัญทำให้เรากลับมาอยู่กับตัวเอง ได้ในแต่ละวันสุขภาพวิถีไทย ดีมากที่มีในเวลาเย็นของแต่ละวัน อาจารย์มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในวิชา อยู่ในเนื้อในตัวอาจารย์จริงๆ แต่ว่าตัวเองไม่นำไปปฏิบัติเป็นประจำมากที่ควร การออกกำลังกาย ยังเป็นเรื่องที่ไม่เข้ามาในชีวิตประจำวันจริงๆ ยังให้เวลา ความสำคัญตรงนี้ไม่ได้จริงๆ หากให้ประเมินตัวเองตรง แม้แต่การทำโยคะที่ตัวเองชอบ ก็ยังทำบ้างไม่ทำบ้าง เคยเขียนไปในบทประเมินว่า อาจยังไม่เห็นโลงศพจึงยังไม่หลั่งน้ำตา คือยังไม่เคยไม่สบาย จึงยังไม่เห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย และวิถีสุขภาพองค์รวม จนกระทั่ง ช่วงต้นปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่สบายต่อกันสองสัปดาห์ จึงลุกขึ้นมามองเรื่องวิถีสุขภาพองค์รวมกันใหม่ ซึ่งไม่ใช่เพียงการออกกำลังกาย การเยียวยารักษา หากแต่เป็นวิถีการใช้ชีวิตเลยทีเดียว ทั้งการกิน เป็น อยู่ แต่อย่างไร เมื่อตัวเองก็ยังไม่ออกกำลังกาย แม้จะทำงานที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ทำสวน สร้างบ้าน อยู่ในธรรมชาติ หายใจดี ได้ทำกิจกรรมประจำวันที่ทำให้เหงื่อออก แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ายังต้องออกกำลังกายหรือไม่ แสดงว่ายังไม่เข้าใจจริง
• ความสุข ดัชนีวัดความสุข คิดว่าเราต้องเริ่มพูดกันที่นิยามของความสุขคืออะไรก่อน สุขที่แท้ด้วย หากความสุขที่แท้ คือ จิตที่ไม่ยินดียินร้าย ไม่หลงใหลไปกับความสุขที่ได้รับ แต่รักษาจิตไม่ให้เกิดกิเลส ไม่ทุกข์ใจเศร้าใจไปทุกข์ที่เข้ามาทดสอบ แต่กล้ายอมรับมัน ความสุขสูงสุดที่แท้ของมนุษย์อยู่ที่จิตที่ไม่มีกิเลสและเป็นกลางๆ ไม่ดีใจจนเกินไป ไม่เสียใจจนเกินไป เป็นกลางๆ คือสบายใจโล่งใจ นิยามความสุขข้างต้นทำให้เราสามารถสร้างและชี้วัดความสุขได้ชัดเจน... ผลการชี้วัด ... ฉันว่าฉันมีความสุขดีพอประมาณในการมาเรียนที่สถาบันฯ ไม่หลงใหลไปกับความสุขที่ได้รับจากคนรอบข้างว่าเราเป็นนักศึกษาปริญญาโทแล้วนะ แม่พ่อดีใจที่กลับมาเรียนต่อ แต่ในใจเรารู้ว่าเราเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นนักศึกษาปริญญาโท และเราไม่ได้เข้ามาเรียนเพื่อหวังปริญญา แต่เข้ามาเพื่อศึกษาเรียนรู้ สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ เข้ามาทดสอบทางเลือกทางการศึกษาเรียนรู้ ที่น่าจะมีกัลยาณมิตรเดินร่วมทางเพิ่มขึ้น เข้ามาเพื่อตรวจสอบ ย้อนทวน และรื้อถอนประสบการณ์การเรียนรู้ ทำงานตามความฝันและเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง ว่ามันแน่ ชัด สร้างความหมายให้อะไร และที่สำคัญเข้ามาเพื่อเรียนรู้จักและเข้าใจในตัวเอง เมื่อเรามีเป้าหมายชัดในการเดินทาง เราก็ชี้วัด ตรวจประเมินการเดินทางของเราได้อย่างชัดเจน ฉันมีความรู้สึกเป็นกลางๆ กับการเดินทางเข้าสถาบันฯ ไม่สุขไม่ทุกข์เกินไป สบายๆ ย้อนทวน ตรวจสอบ ประเมินตัวเองทั้งความรู้สึก ทรรศนะนคติ พฤติกรรม การเรียนรู้เปลี่ยนแปลง ฉันคิดว่าเป็นสิ่งดีและประกอบกาลเวลา เงื่อนไข ปัจจัยที่เหมาะสมที่ฉันได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ที่สถาบัน

การเรียนรู้จากคณาจารย์
อาจารย์ประภาภัทร เป็นครูและนักบริหารการศึกษาในจิตวิญญาณ อาจารย์มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งมาก ไม่มีความลังเลสงสัย มีพลังและบารมีเป็นที่ตรึงให้ผู้เรียนมีสติอยู่กับตน อาจารย์ยังพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ความรู้ ที่นำพาให้ผู้เรียนบันทึกและใคร่ครวญในตัวตน ในการปฏิบัติภาระ หน้าที่ การงานของตน อาจารย์ยังเป็นอาจารย์ที่เปิดและให้โอกาสลูกศิษย์ ได้เรียนรู้ภายในตัวตน ผ่านประสบการณ์ และคอยเป็นกระจกสะท้อน ตักเตือน แลกเปลี่ยน เรียกมาคุย ให้เวลาในเวลาที่เหมาะสม อาจารย์มีบารมีบางอย่างที่ทำให้ ความเข้มแข็ง การผ่านโลก ผ่านประสบการณ์มามาก ทำให้ลูกศิษย์ใหม่ อย่างตัวฉันเอง ที่ยังไม่กล้าเข้าหา ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ขอบๆ ยังไม่กล้ากอด อาจเพราะยังเวลาไม่เหมาะสม และประสบการณ์ร่วมบางอย่างระหว่างเรายังไม่ก้าวผ่าน ที่ทำให้ตัวเองกล้าที่จะไม่กลัวอาจารย์

อาจารย์สุรพล การเขียนกระดานในการจัดการความรู้ การตั้งคำถามเชิงลึกของอาจารย์ เป็นสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้จากอาจารย์สุรพลมากที่สุด ในห้องเรียน อาจารย์จะเป็นคนที่คอยสะท้อน ยิงคำถามที่ทำให้ทิศทางการเรียนรู้ของห้องเรียนเปลี่ยนบรรยากาศมาลงลึกได้มากขึ้น แทนที่จะไปแต่ด้านกว้าง หลายๆ ขณะในห้องเรียน ในบางก้าว ตัวเองลุ้นๆ ให้อาจารย์สุรพล ลุกขึ้นมาเป็นขุนพล วางบทบู๊-เข้ม ในห้องเรียนคงน่าสนใจ

-เพื่อนร่วมชั้น-
พี่ปาด เป็นรุ่นพี่ร่วมชั้นที่โดนฉัน กัด พ่น สะท้อน ยกมือประท้วง มีปฏิกิริยาด้วยมากที่สุดในห้องเรียน เพราะว่าพี่ปาดเป็นรุ่นพี่ที่ Typical หาได้ทั่วไปในสถาบันอุดมศึกษา แวดวงถกเถียงทางวิชาการ หากแต่ว่านี่เป็นห้องเรียนสถาบันอาศรมศิลป์ ที่ฉันเลือกเข้ามาเรียนรู้แลกเปลี่ยน ดังนั้นฉันจึงตั้งตนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพี่ปาดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อันดับแรก ภายในตัวฉัน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงพี่ปาด ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองในการปฏิสัมพันธ์กับพี่ปาด ด้วยการใช้ประสบการณ์ตัวเอง ดึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นสดจริง ในขณะที่ฟังพี่ปาดเริ่มบรรยายในห้องเรียน หลายๆ ครั้งที่พี่ปาดนำมาแลกเปลี่ยนในห้องเรียนน่าสนใจ แต่ว่าไม่เข้าใจ แต่โดนใจ ลงไปอยู่แต่ในหัวสมอง ไกลตัว ไกลใจ ฉันรู้สึกได้ว่าพี่ปาดมีอะไรในใจเยอะ ต้องการแสวงหาอะไรบางอย่างถึงกลับเข้ามาเรียนในสถาบัน และไม่ใช่เรื่องการแสวงหาความรู้ภายนอกคือสิ่งที่พี่ปาดเข้ามาค้นหา เพราะพี่ปาดมีกำลังความสามารถเข้าถึงความรู้เหล่านั้นได้มากมาย ที่ไหนก็ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมาถึงสถาบันเพื่อสิ่งนี้ แต่สิ่งที่พี่ปาดน่าจะเข้ามาหาภายในห้องเรียนนี้ น่าจะเป็นการหาพื้นที่ปลอดภัย ที่มีกัลยาณมิตร นำพากันไปสู่การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง ฉันรู้สึกได้ว่าพี่ปาดมาเรียน เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง เปลี่ยนแปลงเพลินพัฒนา หรือว่าเปลี่ยนแปลงตัวเอง ย้ำทวนจุดยืนของตัวเอง ฉันรู้สึกว่าพี่ปาดเป็นครูที่แท้จริงคนหนึ่ง และมีจุดยืนทางการศึกษาทางเลือกที่ชัดเจน เพียงแต่ว่าจะกล้ายืนในจุดยืนนั้นอีกครั้งหรือไม่ ฉันเรียนรู้จากพี่ปาดมากมาย ขอบคุณค่ะ หากไม่มีพี่ปาด ห้องเรียนคงจืดชืด
-พี่จือ พี่เอง - หากไม่มีพี่จือ พี่เอง ฉันคงเหงา ไม่อยากมาเรียนที่ห้องเรียนนี้ เหมือนตอนเรียนประถม ที่เวลาเช้าไปเรียน เราจะมองหาเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมแก๊งค์ ฉันคิดว่าพี่สองคนนี้เป็นเพื่อนร่วมแก็งค์ แม้ว่าเราจะต่างชั้นอายุกันหลายรอบ พี่ๆ ทั้งสองคนเป็นคนที่มีเมตตาสูง จิตใจดี มีจิตวิญญาณความเป็นครู ฉันชอบดูและลุ้นพี่ๆทั้งสองคน ตอนแกทั้งสองง่วงๆ แล้วฉันก็จะพ่น หรือบ่น หรือว่าป่วนเปลี่ยนบรรยากาศในห้องเรียน แล้วพี่ๆ ทั้งสองก็จะตาวาว ตาสว่างขึ้นมา แล้วก็ขึ้นเสริมประสบการณ์ของตัวเอง เหมือนพี่ๆ แกกล้าๆ กลัวๆ ไม่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเองก่อนจะมีฉันรุ่นกระเปี๊ยกนำไปก่อน และเมื่อทุกครั้งที่พี่สองคนแลกเปลี่ยน แกมีอะไรที่น่าสนใจ ออกมาจากใจ จากประสบการณ์เล็กๆที่นครสวรรค์ของทั้งสองคนอันเป็นที่ทำให้ทั้งห้องได้เรียนรู้มากมาย ขอบคุณค่ะที่มีพี่ทั้งสองในห้องเรียน
- อาจารย์เปี๊ยก – อาจารย์เปี๊ยก เป็นรุ่นพี่ร่วมชั้นที่มีอาวุโสที่สุด และบังเอิญเป็นญาติกับเพื่อนในสมัยมหาวิทยาลัยของฉัน ซึ่งทำให้ฉันต้องกัดปากตัวเองไว้ ไม่เบรกอาจารย์หลายๆ สัปดาห์ อาจารย์เปี๊ยก จะนำเรื่องมาเล่า ซึ่งเป็นเรื่องของคนอื่นๆ มากมาย เยอะกว่าเรื่องของตัวเอง และสองสามครั้งที่เล่าเรื่องเดิมซ้ำ และยังกล้าฝัน แม้ว่าอาจารย์ยังวาดภาพฝันเกี่ยวกับเรื่องการจัดการศึกษาที่นครสวรรค์ให้เห็นอย่างชัดเจนไม่ได้สักที ฉันรู้สึกว่าอาจารย์น่ารัก และมีความพยายาม รักการเรียนรู้ แม้อายุจะป่านนี้ ฉันรู้สึกขอบคุณอาจารย์เปี๊ยกเรื่องนี้ค่ะ และฉันก็เรียนรู้จากอาจารย์เปี๊ยกว่า ฉันจะต้องเข้าไปเรียนรู้ภายในตัวตนเองให้มากขึ้น ไม่ต้องแสวงหาความรู้จากภายมากกว่า
- พี่นิด - เรียนรู้จากพี่นิดเยอะมาก พี่นิดพูดอะไร สะท้อนอะไรในห้องเรียน จากการผ่านประสบการณ์จริงของตัวเองได้ชัดเจนมาก เป็นบทเรียน อุทาหรณ์ที่ดีสำหรับห้อง พี่นิดไม่ลังเลที่จะถ่ายทอดความรู้สึก ประสบการณ์ที่ตัวเองได้เรียนรู้ ฉันชอบดูนัยน์ตาช่างฝันของพี่นิด เมื่อพูดถึงการไปทำโรงเรียนที่สบลานตลอดภาคการศึกษา และเฝ้ารอที่จะได้ขึ้นไปเห็น และเมื่อได้ขึ้นไปที่สบลาน ฉันได้เห็นความเข้มแข็ง แน่วแน่ เด็ดเดี่ยว ความภูมิอกภูมิใจ ปิติ รอยยิ้ม ที่พี่นิดวาดภาพให้ฉันฝันตามมาตลอดภาคการศึกษา ขอบคุณพี่นิดค่ะที่ยังฝัน
- พี่ปุ๊ก- รู้สึกว่าเวลาไม่ตรงกัน ไม่ค่อยได้เจอพี่ปุ๊ก อาจารย์ธรรมศาสตร์ สักเท่าไหร่ ในห้องเรียน แต่รู้สึกว่าพี่ปุ๊กน่าจะเป็นเพื่อนร่วมแก๊งค์ได้ดี พี่ปุ๊กจะยังไม่กล้าแลกเปลี่ยนในห้องเรียน จนอาจารย์สุรพลต้องยิงคำถามจี้พี่ในตอนท้ายของห้องเรียนอยู่เป็นประจำ รู้สึกได้ว่าพี่ปุ๊กยังรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่คุ้นชิน กับบรรยากาศการเรียนของสถาบัน หากแต่ว่าในที่สุด เมื่อต้องร่วมแลกเปลี่ยนพี่ปุ๊กจะนำตัวเองขึ้นเขียง เปิดควรรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ( มากกว่าพี่ปาดนะ ) ฉันรู้สึกขอบคุณพี่ปุ๊กจุดนี้ค่ะ
- คณาจารย์รุ่งอรุณ- ต้องขอบคุณคณาจารย์จากโรงเรียนรุ่งอรุณด้วยค่ะ ที่เข้ามาเรียนรู้ด้วยกันเป็นระยะๆ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของอาจารย์จากรุ่งอรุณ สะท้อนให้เห็นวิถี กระบวนการจัดการเรียนการสอน ของโรงเรียนรุ่งอรุณ เห็นการบ่มเพาะจิตวิญญาณความเป็นครู เห็นความพยายามในการเติบโต เปลี่ยนแปลง แสดงจุดยืน จุดต้านของการเป็นโรงเรียนรุ่งอรุณกับกระแสภายนอก เห็นข้ออุปสรรคของการพัฒนาความเป็นโรงเรียนรุ่งอรุณในการจัดการศึกษาแนวพุทธเด่นชัดหนึ่งประการ เนื่องด้วยจากตัวครูเองซึ่งจะเป็นผู้นำพายังไม่มีเวลาพอที่จะกลับมาย้อนทวน หลายครั้งจากหลายคนสะท้อนผ่านห้องเรียนว่ามีงานหน้าโต๊ะ ภาระรับผิดชอบกองตรงหน้า งานบริหารการศึกษาที่แต่ละคนบ่นว่ามีงานมาก จนไม่มีเวลาย้อนทวน ใคร่ครวญภายในจริงจัง สิ่งนี้เป็นสิ่งหนึ่งค่ะ ที่ตัวเองได้เรียนรู้ว่าต้องให้เวลากับตัวเองจริงๆ ในการศึกษาเรียนรู้ใคร่ครวญจากภายในตัวตนเป็นสำคัญด้วย มิเช่นนั้น เราจะต้องวิ่งตามๆ ไปในสภาวการณ์ งานภาระที่เข้ามาตรงหน้าจนกลายเป็นคนทำงานประจำมากเกินไป มากกว่าจะพัฒนาจิตวิญญาณ และการเป็นครูที่อยู่เรียนรู้กับผู้เรียน ซึ่งเราเองก็เป็นผู้เรียนคนหนึ่งด้วยในเวลาเดียวกัน

สุดท้าย ขอบคุณตัวเองค่ะ
ขอบคุณตัวเองค่ะ ที่เอาตัวเองเข้าเรียนรู้ ขยายขอบเขตพื้นที่การเรียนรู้ของตัวเองตลอดเวลา และเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน ขอบคุณตัวเอง ที่เรียนรู้จักการเมตตาให้ตัวเอง รู้จักรักตัวเอง รู้จักการอยู่กับทุกข์ของตัวเองได้ รู้เท่าทันตัวเองขึ้นมามากขึ้นในแต่ละขณะ ขอบคุณตัวเองที่เรียนรู้จากอคติของตัวเอง แล้วปรับเปลี่ยน เรียนรู้ที่จะเฝ้ามองมัน และขยับมันทีละนิด หรือว่ารื้อถอนมันครั้งใหญ่ เมื่อมีสัญญาณเตือน ขอบคุณตัวเองที่ฟังเสียงภายในตัวเองมากมาย ฟังเสียงและปฏิกิริยาของร่างกาย แล้วย่อยมันออกมาว่ามันหมายถึงอะไร ขอบคุณตัวเองที่พ่นออกมาเมื่อจำเป็นในห้องเรียน ยกมือประท้วง แล้วพยายามสื่อสารความรู้สึกออกมา แม้ว่าบางครั้งจะยังสื่อสารได้ไม่ตรงกับใจ เพราะยังไม่เข้าใจในใจตัวเองในขณะนั้นว่าต้องการอะไร เกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการสะท้อน ย้อนทวน ขอบคุณตัวเองที่มีความสุข มีความรักในการเรียนรู้ มีจิตใจที่เปิดกว้างรับการเรียนรู้จากคนรอบๆ ข้าง จากสิ่งรอบๆ ตัว เปิดตัวเองให้กับธรรมชาติ และเปิดให้ธรรมชาติของตัวเองออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งเดียวกัน ขอบคุณสถาบันอาศรมศิลป์อีกครั้งที่เปิดพื้นที่และชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง ทั้งภายในและภายนอกตัวเอง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น